วันพฤหัสบดีที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2560

บรรณาธิการ



บรรณาธิการ

" การให้ " ถือว่าเป็นความสุขในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งการให้ที่กำลังจะพูดถึงนี้ คือ การบริจาคสิ่งของ ให้แก่บุคคลที่ยากไร้ ขาดแคลน ในถิ่นทุรกันดาร เพื่อเป็นการทำบุญและช่วยเหลือพี่น้องคนไทยด้วยกัน  Bloggerการบริจาคของ (แค่บอกต่อก็ได้บุญ)นี้ จึงถูกจัดทำขึ้นเพื่อบอกต่อให้แก่ผู้ที่สนใจที่อยากจะทำบุญบริจาคสิ่งของเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ยากไร้ในถิ่นทุรกันดารและผู้ที่กำลังอยากจะบริจาคสิ่งของ เช่น เสื้อผ้ามือสอง รองเท้า ผ้าห่ม เครื่องใช้ส่วนตัว สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผงซักฟอก อุปกรณ์เครื่องเขียน สมุด ดินสอ ปากกา ยางลบ ไม้บรรทัด และอุปกรณ์กีฬา ลูกฟุตบอล ลูกวอลเลย์บอล และยารักษาโรค

ฉบับนี้จึงได้รวมเนื้อหาเรื่องราวของการไปบริจาคสิ่งของในถิ่นทุรกันดารไว้ให้ผู้ที่สนใจที่อยากจะไปบริจาคสิ่งของด้วยตัวเอง และผู้ที่สนใจที่อยากจะส่งของร่วมบริจาคเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านและเด็กๆในถิ่นทุรกันดาร

และสำหรับผู้ที่ไม่รู้ว่าจะไปบริจาคสิ่งของที่ไหน หวังว่านิตยสารเล่นนี้คงเป็นประโยชน์และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่กำลังมองหาสถานที่บริจาคสิ่งของนะคะ
                                                       

                                                                                                                             นุชบา  โคขามลา

                                                                                                                                บรรณาธิการ

บริจาคของ หมู่บ้านบ้านกิ่วหลวง (ห้วยกุ๊บกั๊บ) ตำบลกึ้ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่


หมู่บ้านกิ่วหลวง (ห้วยกุ๊บกั๊บ) ตำบลกึ้ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่


 จากเดิมหมู่บ้านกิ่วหลวง (ห้วยกุ๊บกั๊บ) อยู่ที่ลำธารท้ายหมู่บ้าน โดยมีครอบครัวเพียง 3 ครอบครัว ประมาณ พ.ศ.2529 ต่อมาก็มีผู้คนเข้ามาอาศัยเพิ่มมากขึ้นก็ได้มีการย้ายขึ้นมาอาศัยอยู่กันที่บนยอดเขา โดยหมู่บ้านแห่งนี้มีการตั้งถิ่นฐาน ณ บริเวณนี้เป็นระยะเวลากว่า 40 ปี จนถึงปัจจุบันนี้ โดยในชุมชนบ้านกิ่วหลวง (ห้วยกุ๊บกั๊บ) เป็นกลุ่มชนชาติพันธุ์มูเซอแดง (ราหู) ตั้งอยู่บนยอดดอยที่มีความสูงและลาดชัน มีภูเขาสบับซับซ้อน มีพันธุ์ไม้นานาชนิดขึ้นเรียงรายกัน มีสภาพเป็นดินแดง ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพทำไร่ข้าว และสวนผัก ซึ่งชาวบ้านในหมู่บ้านจะไม่มีพื้นที่นา เพราะแทบจะไม่มีพื้นที่ราบ และที่สำคัญคือไม่มีน้ำ มีความแห้งแล้ง เพราะตั้งอยู่บนยอดสันเขา




        และเนื่องจากหมู่บ้านกิ่วหลวง (ห้วยกุ๊บกั๊บ) ตั้งอยู่บนยอดสันเขาจึงทำให้ยากลำบากต่อการเดินทาง และมีสภาพอากาศที่หนาวเย็น และชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านส่วนใหญ่ก็จะมีแต่เด็กและคนชรา และไม่ค่อยมีรายได้ ชาวบ้านและเด็กๆในหมู่บ้านกิ่วหลวง (ห้วยกุ๊บกั๊บ) จึงใช้แต่ของเดิมๆที่มีอยู่ ใส่เสื้อผ้าตัวเดิมๆบ้างคนก็ใส่จนเสื้อขาดแต่ก็ต้องใส่เพราะไม่มีเสื้อผ้าตัวใหม่ใส่ เด็กบางคนก็ไม่มีรองเท้าใส่ เพราะหมู่บ้านอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง และการเดินทางก็ค่อนข้างลำบากถ้าช่วงหน้าฝนจะไม่สามารถเดินทางขึ้นไปยังหมู่บ้านกิ่วหลวง (ห้วยกุ๊บกั๊บ)ได้ เนื่องจากเส้นทางเป็นทางขึ้นเขาที่สูงและชันมาก เป็นทางดินแดงตลอดเส้นทาง ทำให้อันตรายมากในการเดินทาาง


    เส้นทางในการเดินทางขึ้นไปยังหมู่บ้านกิ่วหลวง (ห้วยกุ๊บกั๊บ)

จึงทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านกิ่วหลวง (ห้วยกุ๊บกั๊บ) ขาดแคลนในเรื่องของเครื่องนุ่งห่มเป็นส่วนใหญ่ เช่น เสื้อผ้ามือสอง ผ้าห่ม ร้องเท้า และอุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัว เช่น สบู่ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผงซักฟอก ขนมขบเคี้ยว และตุ๊กตาสำหรับเด็กๆ



                            
 
                            

                           


"เก่าของหลายคน"

"...แต่ใหม่สำหรับพวกเขา"


ชาวบ้านเลือกเสื้อผ้าที่นำมาบริจาค


                           
  
                           

                            

                            

                                
                                                




ร่วมยิ้มและอิ่มบุญไปด้วยกัน
ยุวชนคนอาสา





บ้านผาแตก ตำบลสบเปิง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่


บ้านผาแตก  ตำบลสบเปิง  อำเภอแม่แตง  จังหวัดเชียงใหม่


หมู่บ้านผาแตก เป็น หย่อมบ้านของหมู่บ้านแม่หลอด ตั้งอยู่ในหมู่ที่ 10 ตำบลสบเปิง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ มีประชากรโดยประมาณ 160 คน ปัจจุบันยังไม่ได้ทำการแยกหมู่บ้านเนื่องจากมีประชากรน้อยจึงขึ้นตรงต่อหมู่บ้านแม่หลอด ชาวบ้านในหมู่บ้านแม่หลอดตลอดถึงหย่อมบ้าน มีประชากรโดยรวมประมาณทั้งหมด 600 กว่าคน มี 2 ชนชาติพันธุ์ด้วยกัน คือ คนพื้นเมืองเหนือ และ คนปะกาเกอญอ (กะเหรี่ยง) ​ประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่มีอาชีพทำนา ทำไร่ ตามฤดูกาล และมีทำสวนลำไย ลิ้นจี้ และปลูกกาแฟที่ทางโครงการหลวงนำมาส่งเสริมให้ปลูกเป็นรายได้ของชาวบ้าน และมีอาชีพหาของป่าเพื่อเลี้ยงครอบครัว สุดท้ายเป็นอาชีพรับจ้างเป็นวิถีชีวิตที่อยู่คู่กับป่า และปัจจุบันนี้ก็เริ่มเพาะปลูกพืชผัก ข้าวโพด กล้วยน้ำหว้า ถั่วเหลือ และทำ สวนเพิ่มขึ้น ชาวบ้านหมู่บ้านผาแตกมีวัฒนธรรมประเพณีเหมือนกับชนชาติพันธุ์ปะกาเกอญอทั่วไป คือ อยู่อย่างไม่บุกรุกป่าเพราะมีคติป่าพึ่งคน คนพึ่งป่า ยังมีการรักษาประเพณีให้คงอยู่ คือ จะมีปีใหม่ประจำเผ่า มีการผูกข้อมือสู่ขวัญ และรับประเพณีวัฒนธรรมของคนไทยพื้นเมืองเข้า คือ มีการประกอบพิธีสำคัญทางศาสนา และมีการรดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ ตามเทศกาลของคนไทยทุกประการ

สภาพอากาศในพื้นที่หมู่บ้านผาแตก เนื่องจากหมู่บ้านผาแตกตั้งอยู่ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 400 กว่าเมตร ตั้งอยู่ติดเชิงเขา มีภูเขาสลับซับซ้อนกันแต่ไม่สูงมาก พื้นที่เป็นป่าแพะ รอบหมู่บ้านปกคลุมไปด้วยป่าไผ่ไม้ซาง และต้นไม้ทั่วไป ในช่วงฤดูร้อนอากาศจะร้อนพอประมาณอยู่ที่ 28 องค์สา ส่วนฤดูฝน ฝนจะตกซุ่มมากถึงปางกลางตามสภาพอากาศ ด้วยพื้นที่เป็นเขตร้อนชื่น พื้นที่บริเวณรอบหมู่บ้านจะติดกับป่าดงชื่นต้นไม้ใหญ่ ในฤดูหนาวอากาศจะเย็นมากถึงปางกลางเหมือนพื้นที่สูงทางภาคเหนือ บ้านผาแตกส่วนใหญ่จะขาดแคลนในเรื่องของร้องเท้า อุปกรณ์เครื่องเขียน สมุด ดินสอ ปากกา ยางลบ ไม้บรรทัด ขนม ตุ๊กตา และเครื่องใช้ส่วนตัว เช่น สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผงซักฟอ

มอบอุปกรณ์การศึกษา เครื่องเขียน ขนม ตุ๊กตา อุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัว แก่น้องๆในหมู่บ้านผาแตก ตำบลสบเปิง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่


                                                                    




สายใยของธารน้ำใจ เติมเต็มความสุขได้ทั้งผู้ให้ และผู้รับ


การเดินทางในการไปบริจาคของ ก็ไม่ลำบากเท่าไหร่นัก ระยะ ทางห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ เพียง 60 กว่ากิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยการเดินทางสามารถออกจากอำเภอเมืองเชียงใหม่มุ่งหน้าสู่ทางหลวงเส้นทางอำเภอแม่ริม- อำเภอแม่แตง – ตลาดแม่มาลัย  ก่อนถึงสี่แยกแม่มาลัยให้เลี้ยงซ้าย จะเป็นถนนมุ่งหน้าไปสู่อำเภอปาย ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตรก่อนจะเข้าเขตตำบลป่าแป๋  อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่  ให้สังเกตทางซ้ายมือ จะพบป้ายทางเข้าอุทยานน้ำตกหมอกฟ้า ให้เลี้ยวซ้ายเข้าอุปทยาน้ำตกหมอกฟ้า เดินทางไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตรผ่านอุทยาน ก็จะถึงหมู่บ้านผาแตก


                                         
         




                            

บริจาคของ (แค่บอกต่อก็ได้บุญ)


หัวข้อเรื่อง : บริจาคของ (แค่บอกต่อก็ได้บุญ)

สวัสดีคะคุณผู้อ่าทุกท่าน เราจะมาพูดถึงสถานที่และกาเดินทางในการไปบิจาคสิ่งของให้กับน้องๆบนดอยกันนะคะ

การเดินทางในการร่วมเป็นสะพานบุญเพื่อนำของไปบริจาคในครั้งนี้
มีเพื่อนร่วมเดินทางด้วยกัน 3 คนคะ ถ้ารวมผู้เขียนด้วย ก็เป็น 4 คนคะ



บอกก่อนเลยนะคะว่า ในการเดินทางครั้งนี้เราเน้นการใช้งบที่น้อยที่สุดคะ รวมทั้งหมดแล้ว อยู่เชียงใหม่ 6 วัน ค่าใช้จ่ายต่อคนตกคนละ 300-400 บาทคะ


จุดเริ่มต้นของพวกเราคือ.....สถานีรถไฟหัวลำโพง พวกเรานั่งรถไฟฟรีไปเชียงใหม่กันคะ รถไฟฟรีจากกรุงเทพไปเชียงใหม่มีในช่วงเวลาบ่าย 2 โมงนะคะ จากสถานีรถไฟหัวลำโพงไปถึงสถานนีรถไฟเชียงใหม่ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 14 ชั่วโมงคะ ถึงประมาณตี 4 ครึ่งคะ แต่ถึงจะใช้เวลาในการเดินทางนานแต่ก็ถือว่าคุ้มนะคะกับบรรยากาศที่ได้ในยามเย็นตะวันตกดินและบรรยากาศยามเช้าอากาศเย็นหน่อยๆรับกับแสงพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าๆมองเห็นหมอกตามยอดเขาบางๆคะ


    อ้าว ได้ตั๋วรถไฟฟรีแล้วมาแช๊ะกันหน่อย ยิ้มๆ😀

พอถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ อันดับแรกพวกเราหาที่พักอาบน้ำและนอนก่อนเลยคะ ก็ได้โรงแรมแถวๆสถานีรถไฟคะ คืนละประมาณ 3-4 ร้อยคะ ห้องละ 2 ท่านคะ เช็คอินตอนตี 5 เช็คเอาท์ออกตอนเที่ยงของวันนั้น คือแบบว่าแอบเสียดายเงินอยู่บ้าง อิอิ  อยู่ยังไม่ถึงวันเลย 😂 พอเช็คเอาท์ออกพวกเราเดินออกมาหามื้อเที่ยงของพวกเรา

นี้เป็นครั้งแรกที่ได้มาเยือนเมืองเชียงใหม่ และนี้ก็คืออาหารมื้อเที่ยงของพวกเราคะ ราคารวมๆก็300กว่าบาท หารกัน4คนตกคนละไม่ถึงร้อย  แต่ไม่ว่าจะกินข้าวที่ไหน เหนือ ใต้ ออก ตก ก็หนีไม่พ้นสมตำคะ😃  
พอกินข้าวเสร็จ เราก็ออกมาโบกรถแดงต่อคะพร้อมที่จะไปยังจุดเป้าหมายต่อไปคะ ไปจุดชมวิว ป้าคนขับรถแดงใจดีมากๆ จะรอจนเราทำธุระเสร็จ ไว้พระทำบุญเสร็จ ถ่ายรูปชมวิวของเมืองเชียงใหม่เสร็จ ป้าถึงจะพาเราไปส่งที่วัด
ถ้าเราอยากไปไหนต่อเราสามารถบอกป้าเพิ่มได้คะ😍



พอถึงวัดศรีโสดา เราก็โทรหาพระอาจารย์ ที่ได้แจ้งรายละเอียดกันไว้ก่อนที่จะมา พอเจอพระอาจารย์ ท่านก็พาไปจัดเตรียมสิงของในการนำไปบริจาคให้กับชาวบ้านบนดอย จัดอุปกรณ์การเรียน ขนม เคื่องใช้ ยาสีฟันแปลงฟัน ถุงเท้า เตรียมไว้ประมาณ60ชุด เพื่อที่จะนำไปแจกให้กับเด็กบนดอยในวันถัดไปคะ



 นี้คือที่นอนของพวกเราคะ เรานอนกันที่วัดคะ ก่อนนอนเราก็ลงมาสวดมนต์ทำวัดเย็นกับเพื่อนๆที่อยู่ที่นั้นและพระอาจารย์คะ


 และตื่นมาทำกับข่าวตอนตี5คะ



 จากนั้นก็ได้เวลานำสิ่งของที่ได้จัดเตรียมเป็นชุดๆใส่รถ( ซึ่งรถที่ใช้ในการเดินทางเอาของไปบริจาคเป็นรถของทางวัดศรีโสดาที่ใช้ในการนำของไปบริจาคให้ตามหมู่บ้านต่างๆบนดอยคะ)
ออกเดินทางจากวัดศรีโสดาไปยังหมู่บ้านขุนช่างเคี่ยน
เพื่อนนำของไปมอบให้แก่ชาวบ้านและเด็กๆที่ยังรอความช่วยเหลืออยู่อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งถนนหนทางที่ขึ้นไปยังหมู่บ้านมีความเสี่ยงและอันตรายพอสมควรเพราะถนนมีความราดชันและแคบมาก การเดินทางขึ้น ถ้าหากใครไม่ชำนาญเส้นทางก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้นะคะ


หมู่บ้านขุนช่างเคี่ยน ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 




หมู่บ้านขุนช่างเคี่ยน เป็นหมู่บ้านชาวเขา ชนเผ่าม้ง มีบ้านเรือนประมาณ 50 หลังคาเรือน มีเด็กในหมู่บ้านประมาณ 40 คน เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่เขตอุทยานแห่งชาติสุเทพ-ปุย เนื่องจากหมู่บ้านตั้งอยู่ในเขตอุทานจึงทำให้การพัฒนาหมู่บ้านในด้านสาธารณูปโภคมีความจำกัด ถนนหนทางที่ใช้ในการเดินทางก็เป็นถนนลูกรัง การประกอบอาชีพของชาวบ้านสวนใหญ่ก็จะทำอาชีพเกษตรกรรม ปลูกพืชผัก เช่น กะหล่ำ มะเขือส้ม ผักกาด พริก และเนื่องจากหมู่บ้านขุนช่างเคี่ยนตั้งอยู่บนภูสูงจึงทำให้มีสภาพอากาศที่หนาวเย็นมากกว่าพื้นที่อื่น ชาวบ้านจึงขาดแคลนในเรื่องของผ้าห่ม เสื้อผ้ากันหนาว ร้องเท้า อุปกรณ์เครื่องเขียน สมุด ดินสอ ปากกา ยางลบ ไม้บรรทัด ขนม ตุ๊กตา และเครื่องใช้ส่วนตัว เช่น สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผงซักฟอก

พอเดินทางมาถึงหมู่บ้านขุนช่างเคี่ยน ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 
เริ่มบริจาคสิ่งของที่ได้จัดเตรียมมาให้กับน้องๆ โรงเรียนศรีเนห์รู จำนวน 60 ชุด